วันพฤหัสบดีที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2566
7-10210-010-073
7 คือ รหัสกิจกรรมสร้างจิตสำนึก
10210 คือ รหัสไปรษณีย์ประจำท้องถิ่นของโรงเรียน
010 คือ รหัสสมาชิกสวนพฤกศาสตร์ของโรงเรียนแต่ละท้องที่ดดยแบ่งตามรหัสไปรษณีย์
073 คือ รหัสหมายเลขการขึ้นทะเบียนพรรณไม้โรงเรียน ลำดับที่73 ชื่อ หางนกยูงฝรั่ง
หางนกยูงฝรั่ง
ชื่อสมุนไพร หางนกยูงฝรั่ง
ชื่ออื่นๆ หางนกยูงฝรั่ง (อังกฤษ: Flam-boyant, The Flame Tree, Royal Poinciana) หรือที่เรียกว่า นกยูง, นกยูงฝรั่ง, ชมพอหลวง, ส้มพอหลวง (ภาคเหนือ), หงอนยูง (ภาคใต้), อินทรี
(ภาคกลาง),และ ยูงทอง
ชื่อ
วิทยาศาสตร์ Delonix regia (Bojer Ex Hook.) Rafin.
ชื่อวงศ์ LEGUMINOSAE- CAESALPINIOIDEAE
ลักษณะของ หางนกยูงฝรั่ง
ใบ ประกอบแบบขนนกสองชั้น ใบย่อยขนาดเล็ก
จํานวนมาก โคนใบเบี้ยว ปลายใบมน แกนช่อใบ ยาว
ประมาณ 50-60 ซม. แกนแขนงมี 9-24 คู่ ใบรูป
ขอบขนาน กว้างประมาณ 3-4 x 8-10 มม.
ดอก สีเหลือง – แดง ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่งหรือซอก
ใบใกล้ปลายกิ่ง ช่อดอกยาวประมาณ 10-15 ซม. มี
5-10 ดอก ดอกย่อยขนาด 5-8 ซม. กลีบรองดอก
5 กลีบ ด้านในสีแดง กลีบดอก 5 กลีบ รูปช้อนขนาด
ไม่เท่ากัน เกสรผู้ 10 อัน
ผล เป็นฝักใหญ่ แบน เปลือกแข็ง ขนาดประมาณ 3-5 x 30-60 ซม.
ฝักแก่มีสีน้ําตาลดํา แตกทั้งสองข้าง เมล็ดเรียงตามขวาง มี 20-40
เมล็ด
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ผลัดใบ ความสูง 10-15 เมตร ทรงพุ่มรูปร่ม
- ลำต้นเกลี้ยง เปลือกต้นเรียบสีน้ำตาลอ่อนถึงสีน้ำตาลเข้ม โคนต้นเป็นพูพอน มักมีรากโผล่พ้นดินออกโดยรอบเมื่อโตเต็มที่ ระบบรากแข็งแรง
- ใบประกอบแบบขนนกสองชั้นปลายคู่ เรียงสลับ ใบย่อยขนาดเล็กจำนวนมาก
- ดอกเป็นช่อเชิงหลั่นขนาดใหญ่ ออกที่ปลายกิ่งหรือกิ่งข้าง กลีบดอก 5 กลีบ ขนาดไม่เท่ากัน มีหลายสีคือ สีแดงอมส้ม ส้ม เหลือง ออกดอกเดือนเมษายน-มิถุนายน
- ผลเป็นฝักแห้ง แตกเป็น 2 ซีก กว้าง 5-6 เซนติเมตร ยาว 40-60 เซนติเมตร เปลือกแข็ง ฝักแก่สีน้ำตาลเข้มเกือบดำและแตกออก
ออกดอกออกผล
ออกดอกช่วง เมษายน –มิถุนายน ออกผล
กรกฎาคม-ตุลาคม
นิเวศวิทยา เป็นพันธุ์ไม้ของเกาะมาดากัสการ์ และแอฟริกา นิยมนํามา
ปลูกทั่วไปในเขตร้อนทั่วโลก เช่น อินเดีย พม่า มาเลเซีย และไทย
สรรพคุณหางนกยูงฝรั่ง
- รากช่วยแก้อาการบวมต่างๆ และใช้เป็นยาขับโลหิตสตรี
- ลำต้นนำมาฝนใช้ทาแก้พิษ ถอนพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อยได้
ประโยชน์หางนกยูงฝรั่ง
เนื่องจากหางนกยูงฝรั่งเป็นต้นไม้ที่ปลูกได้ง่าย และทนทานต่อสภาพอากาศแห้งแล้ง สีของดอกดูสวยสดใส ทรงพุ่มก็สวยงาม จึงนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับตามสถานที่ราชการ รวมไปถึงสวนสาธารณะและตามขอบถนนหนทาง
อีกทั้งเมล็ดสามารถนำมาใช้ทำเป็นขนมหวาน ด้วยวิธีต้มกับน้ำตาล ราดด้วยกะทิ และเมล็ดอ่อนก็ยังนำมารับประทานสดได้